
รีวิวเกมสยองขวัญ Outlast หนีตายไปกับชายถือกล้อง
หากใครเป็นแฟนพันธ์แท้เกมสยองขวัญแล้วหละก็คงจะต้องรู้จักเกมนี้เป็นอย่างดีกับ Outlast ซึ่งในปัจจุบันนี้นั้นก็ได้มีทั้งในส่วนของเนื้อเรื่องเสริมและภาคต่อออกมาให้แฟนได้เล่นกันแล้ว รวมถึงมีโปรเจคที่กำลังจะผลิตตัวเกมแบบออนไลน์ออกมาอีกด้วย ซึ่งเกมนี้นั้นเป็นเกมแนวสยองขวัญเอาชีวิตรอดที่ผู้เล่นนั้นทำได้เพียงแค่วิ่งหนีเอาชีวิตรอดไปเรื่อยๆ แต่เสน่มันก็อยู่ตรงที่เราไม่มีสิทธิที่จะสู้ตอบนี่แหละ ซึ่งมันทำให้บรรยากาศในเกมยิ่งระทึกและกดดันแม้ว่าผู้ที่ไล่ล่าเรานั้นจะไม่ใช่ผี แต่คนบ้าที่มีอาการคุ้มคลั่งโรคจิตก็เป็นอะไรที่ขนลุกอยู่เหมือนกัน

จุดเริ่มต้นความสยองขวัญ
สำหรับคนที่ไม่เคยรู้จักเกมนี้มาก่อนเดี๋ยวเราจะมารีวิวกันที่จุดกำเนิดของความสยองขวัญในครั้งนี้กัน ว่ามีความเป็นมาอย่างไรทำใมเกมนี้ถึงประสบความสำเร็จ จนมีทั้งภาคแยกและภาคต่อ ออกตามมาในระยะเวลาไม่นาน ก็ต้องเล่าไปในภาคแรกผู้เล่นนั้นจะต้องรับบทเป็นตัวละครเอกที่มีชื่อว่า Miles Upshur ซึ่งทำงานเป็นนักข่าว ซึ่งการหาข่าวแต่ละอย่างของเขานั้นถึงกับต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงทุกครั้ง เพราะข่าวที่เค๊าทำนั้นไม่มีนักข่าวคนใหนกล้าทำอย่างแน่นอน โดยตัวของ Miles นั้นได้รับอีเมลปริศนามาจากบุคลหนึ่ง
ซึ่งภายในข้อความนั้นระบุถึงการกระทำสิ่งผิดกฎหมายขององค์กรที่มีชื่อว่า Murkoff ซึ่งสถานที่ที่มีการแจ้งมาคือโรงพยาบาลรักษาผู้มีอาการทางจิต หรือ โรงพยาบาลบ้านั่นเอง ซึ่ง Miles จะต้องเข้าไปเอาข้อมูลเบื้องลึกเบื้องหลังที่ดำมืดขององค์กรนี้ มาเปิดโปงให้ได้ ซึ่งบรรยากาศตั้งแต่คุณก้าวเข้าหน้าประตูไปจะสัมผัสได้ทันทีเลยว่ามีสิ่งที่ไม่ปกติเกิดขึ้นที่นี่อย่างแน่นอน ซึ่งโรงพยาบาลรักษาผู้ป่วยนี้นั้นมีชื่อว่า Mount Massive Asylum และเมื่อผู้เล่นย่างกรายเข้าไปความสยองก็จะเริ่มต้นทันที

ตัวเกม Outlast นั้นมีการดำเนินเรื่องเช่นเดียวกับหนังสยองขวัญที่หลายๆท่านได้เคยดูกันมา ที่จะสอดแทรกจังหวะ Jump Scare ให้ผู้เล่นตกใจกันแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ซึ่งผู้เล่นจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามีอะไรรอเราอยู่ข้างหน้าบ้าง ตัวเกมจะค่อยๆเฉลยปริศนาต่างๆของตัวมันเองผ่านเรื่องราวที่ตัวละคร ได้เข้าไปพบเจอ ซึ่งเสน่ของเกมนี้เลยที่ทุกภาคจะมีเหมือนกันนั่นก็คือ อย่างที่บอกข้างต้นว่าเกมนี้นั้นคุณจะไม่สามารถตอบโต้อะไรใครได้เลยสู้ไม่ได้ทำได้แค่หนีซ่อนเพื่อเอาชีวิตให้รอดจากสถาณการณ์ตรงนั้น ก็คงไม่ต้องพูดถึงอาวุธเลยเพราะไม่มีให้ใช้อย่างแน่นอนแต่สิ่งที่เกมได้ให้มานั้นก็ คือ กล้องวิดิโอนั่นเอง ซึ่งเป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะทำให้คุณเอาชีวิตรอดออกไปได้ เพราะต้องศัยการมองเห็นผ่านเจ้ากล้องตัวนี้ บรรยากาศในเกมจะแทบมองไม่เห็นอะไรเลยหากขาดกล้องนี้ไป ซึ่งทำให้ยิ่งกดดันกันเข้าไปอีกหากแบตเตอรี่หมด!
ซึ่งสิ่งที่คุณจะเข้าไปพบเจอภายใน Mount Massive Asylum นั้นเกมจะดำเนินเนื้อเรื่องไปให้เจอกับผู้ไล่ล่าแต่ละตัวซึ่งเป็นผู้ป่วยทางจิตที่ถูกทางองค์กร Murkoff นั้นจับมาทดลอง บางสิ่งบางอย่างภาพที่เห็นตรงหน้านั้นอาจทำให้ผ็เล่นบางคนรับไม่ได้กันเลยทีเดียว เกมนี้ถึงขั้นถูกแบนหรือจำกัดเรทในบางประเทศเลยทีเดียว ซึ่งตัวเกมนั้นก็จะมีการหักมุมเช่นเดียวกับหนังสยองขวัญที่เราๆเคยดูกัน เพื่อที่เฉลยปริศนาทั้งหมดภายในเกม การดำเนินเรื่องแบบนี้นั้นทำให้เกมนี้ประสบความสำเร็จในหมวดหมู่เกมสยองขวัญสั่นประสาทไปอย่างน่าภาคภูมิใจ

การนำเสนอของตัวเกม
ซึ่งตั้งแต่เหยียบเข้าไปในโรงพยาบาล Mount Massive ผู้เล่นนั้นแทบจะไม่มีเวลาได้พักหายใจกันเลยทีเดียว เพราะว่าบรรยากาศในเกมนั้นจะคอยกดดันอยู่ตลอด คุณจะระแวงทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวอยู่ตลอด ซึ่งการออกแบบผู่ไล่ล่าเป็นผู้ป่วยทางจิตนั้นเป็นอะไรที่ใหม่นะเมื่อเทียบกับเกมสยองขวัญทั่วๆไป แต่ด้วยรูปร่างที่พิกลพิการของผู้ป่วยนั้นทำให้การเจอแต่ละครั้งหัวใจแทบจะตกไปอยู่ตาตุ่มเลยทีเดียว
ซึ่งถ้าหากคุณเป็นบุคคลหนึ่งที่ชื่นชอบการเล่นเกมแนวสยองขวัญรูปแบบเดียวกันกับเกม Amnesia: The Dark Decent โดยมีแค่กล้องวิดิโอเป็นอุปกรณ์เพียงสิ่งเดียวที่จะช่วยคุณให้ผ่านสถาณการณ์ที่เลวร้ายไปได้นั้นขอแนะนำกับเกม Outlast เกมนี้เลยคุณจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
You May Also Like

BK8THAI สนุกกับวิเคราะห์บอลมา การแทงบอลออนไลน์
September 13, 2019
รีวิว เกม gta v ความน่าเล่น ทำไมคนถึงเล่นเยอะ
March 9, 2021